โรเบิร์ต
สเติร์นเบิร์ก (Robert
Sternberg, 1986)
นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย
แสตนฟอร์ด
ซึ่งโด่งดังจากการสร้างทฤษฎีที่อธิบายการทำงานของเชาว์ปัญญาในชื่อที่ว่า "ทฤษฎีสามศร" (Triarchic theory of intelligence) ได้พัฒนาทฤษฎีสามเหลี่ยมของความรัก ท่านกล่าวว่าความรักของมนุษย์นั้นประกอบด้วย
3 รูปแบบของความรัก ได้แก่
1. ความรักในระดับเนื้อหนัง
ซึ่งเกิดจากแรงขับที่มาจากภายในของมนุษย์ (Passion)
2. ความรักในระดับความรู้สึกที่ใกล้ชิดกัน
สนิทสนมชิดเชื้อ (Intimacy)
3. ความรักในระดับของพันธะสัญญา
หรือการให้คำมั่นสัญญาต่อกันที่จะรักษาสัมพันธภาพไว้ให้ยั่งยืน (Commitment)
ท่านอธิบายว่าความรักทั้ง
3
ระดับนี้สามารถรวมกันและสร้างเป็นความรักได้ 8 รูปแบบคุณลักษณะ เช่น
-
ความรักระดับที่ 2 บวกกับความรักระดับที่ 1
(Intimacy + Passion) คือ ระดับเนื้อหนังรวมเข้ากับระดับ
ความรู้สึกใกล้ชิด สนิทชิดเชื้อ กลายเป็นความรักแบบโรแมนติก (Romantic
love) หรือ
-ความรักระดับที่ 2 รวมเข้ากับความรักระดับที่ 3
(Intimacy + Commitment) คือ ระดับความรู้สึกที่
ใกล้ชิด สนิทชิดเชื้อ
รวมเข้ากับระดับของการทำพันธะสัญญาต่อกัน กลายเป็นความรักแบบอุทิศตัว
(Compassionate love)
ท่านอธิบายต่อว่า
ความรักของคู่ชีวิตที่คงทนถาวรนั้นต้องประกอบด้วยความรักทั้ง 3 ระดับ (Passion, Intimacy, Commitment) อย่างสมดุลและเข้มข้นของทั้งสองฝ่าย
จากงานวิจัยคู่สมรส
104
คู่ตัวอย่าง (ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่แต่งงานอยู่ร่วมกันคือ 13 ปี จากกลุ่มตัวอย่างที่เพิ่งแต่งงานกัน 2 เดือนถึง 45
ปี) พบว่า ความรักในระดับใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อ (Intimacy) และตามด้วยความรักในระดับเนื้อหนังของคู่สามีภรรยา
สามารถทำนายถึงความพึงพอใจในชีวิตสมรส (Silbermn, 1995) และจากมุมมองของคู่สมรสที่เป็นผู้ใหญ่พบว่า ความรักในระดับของพันธะสัญญา (Commitment)
สามารถทำนายความพึงพอใจในชีวิตสมรสได้ดีที่สุด และยาวนานที่สุด (Acker
& Davis, 1992)
ทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก
(Triangular
theory of love)
ทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก (Triangular theory of love) คือ ทฤษฎีที่ว่าด้วยการศึกษาความรักในเชิงจิตวิทยาของนักจิตวิทยา โรเบิร์ต
สเติร์นเบิร์ก (Robert Sternberg) โดยเขาได้กล่าวว่าความรักจะประกอบไปด้วย
3 ส่วน
ในบริบทที่เกี่ยวข้องกันของความสัมพันธ์ในรักระหว่างบุคคล ซึ่งทั้ง 3 ส่วนจะประกอบไปด้วย
1.
ความลุ่มหลง (Passion) คือส่วนประกอบด้านแรงกระตุ้นในรัก
เป็นเชื้อเพลิงที่ก่อเกิดความสัมพันธ์
2.
ความผูกพัน (Intimacy) คือส่วนประกอบด้านอารมณ์ความรู้สึกในรัก
กล่าวคือการรู้สึกถึงตัวเองที่ผูกพันกับคนคนหนึ่ง รู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้
การแบ่งเบาความทุกข์สุขกัน ความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง
3.
ข้อผูกมัด (Commitment) คือส่วนประกอบด้านความรู้คิดของความรัก
หมายถึงการตัดสินใจว่าจะรักใครอย่างมีสติ และคิดจะรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาว
แม้ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม
ตัวอย่างของทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก เช่น ความรักที่แท้จริง (Romantic
love) จะประกอบไปด้วย
ความหลงใหล+ความผูกผันหรือความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง
Robert Sternberg (1985, 1990) เสนอทฤษฎีว่าเชาวน์ปัญญาของคนเกิดจากกระบวนการคิดแล้วแสดงพฤติกรรมที่แสดงถึงเชาวน์ปัญญาออกมา (การเรียนรู้และการปรับตัว) เชาวน์ปัญญาประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คือ
1.
การวิเคราะห์ : เชาวน์ปัญญาคอมโพเน้นเชียล
(Analytic : Componential Intelligence) คือความสามารถในการคิด
การเรียนรู้ การหาความรู้ การวางแผน การทำงานและคิดยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา
มีหน้าที่ 3 ประการ ได้แก่
1.1 เลือกปัญหาและยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาตลอดจนการตรวจสอบเรียกว่า
Meta Component
1.2 ทำจริงตามที่เลือกใน 1.1
เรียกว่า Performance Component
1.3 รับความรู้และข้อมูลข่าวสารเพื่อเพิ่มพูนความรู้ใหม่
เรียกว่า Knowledge Acquisition Component
2.
คิดสร้างสรรค์ : เชาวน์ปัญญา
เอ็กซ์พีเรียนเชียล (Creative : Experiential Intelligence) คือความสามารถในการสู้สถานการณ์ใหม่หรืองานใหม่
แก้ปัญหาด้วยความคิดสร้างสรรค์ แสดงออกใน 2 ลักษณะคือ
รู้แจ้งในปัญหาและวิธีแก้ปัญหาใหม่ ลักษณะหนึ่ง อีกลักษณะหนึ่ง
คือคิดและแก้ปัญหาใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติ
3.
ปฏิบัติ : เชาวน์ปัญญาคอนเท็คชวล (Practical :
Contectual Intelligence) คือการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความอยู่รอด
ในการปรับตัวนั้นทำได้ใน 3 ลักษณะ ได้แก่
3.1 ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม
(Adaptation)
3.2 เลือกปรับตัวตามความเหมาะสม
(Selection)
3.3 เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่
(Shaping)
กล่าวโดยสรุปเชาวน์ปัญญาก็คือความรู้ที่มีอยู่และสามารถนำมาแก้ปัญหาได้แล้วนำไปใช้การปรับตัวในที่สุด
หรืออาจกล่าวได้ว่าคนที่มีเชาวน์คือคนที่มีความรู้ ความคิด
และความสามารถในการแก้ปัญหานั่นเอง
ขอบคุณครับ
ตอบลบ